วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กรอบการขับเคลื่อน โคขุนศรีวิชัย

        หลายคนอาจไม่เคยได้ยิน  หลายคนโดยเฉพาะชาวโคเนื้อ  เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในภาคใต้ส่วนใหญ่  รู้จัก  และเกษตรกรบางรายก็เป็นส่วนหนึ่งของ  โคขุนศรีวิชัย
เพื่อเข้าใจถึงหลักคิด  วิธีคิด  หลักปฏิบัติ  ในการขับเคลื่อนพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อของเกษตรกร  ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน  ภายใต้แบรนด์โคขุนศรีวิชัย  สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โดยกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีการปศุสัตว์ในฐานะผู้ริเริ่มวางกรอบแนวทาง โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อ/โคขุนศรีวิชัย: Sriwichai Beef ซึ่งโคขุนศรีวิชัย  หมายถึง  แบรนด์สินค้า เนื้อโคขุนคุณภาพเกรดฟรีเมี่ยม  ที่ผลิตจากฟาร์มเกษตรกร หรือ กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในพื้นที่ภาคใต้  (ระยะที่  ๑  ดำเนินการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย) กรอบแนวคิด  โดยใช้ข้อมูลบริบท  และภูมิสังคม ของการเลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดสุราษฎร์ธานี  เป็นฐานข้อมูลในการวิเคราะห์  และออกแบบโครงการ
        โคขุนศรีวิชัย  (Sriwichai Beef)วัตถุประสงค์  เพื่อผลิตเนื้อโคขุนคุณภาพเกรดฟรีเมี่ยม  ซึ่งเดิมการส่งเสริมพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อให้กับเกษตรกรในจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ดำเนินการโครงการในรูปกลุ่มอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อกระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ และได้คัดเลือกตัวแทนกลุ่มมาร่วมดำเนินการในรูปเครือข่ายหรือชมรมโคเนื้อสุราษฎร์ธานี  มาตั้งแต่ปี  254๗  เพื่อร่วมดำเนินการด้านการผลิต และการตลาดโคเนื้อของเกษตรกร
        ในปีงบประมาณ  2555  คณะทำงานกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย  ได้ทบทวนแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่มฯ  และมีมติให้เพิ่มประเด็นยุทธศาสตร์ / (ข้าว,  กุ้ง,  ไม้ผล, โคเนื้อ)  บรรจุในแผนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด  และในขั้นตอนประชาพิจารณ์แผนยุทธศาสตร์  เวทีที่ประชุม  ได้เสนอให้มีการส่งเสริมและพัฒนา โคเนื้อ – โคขุน  คุณภาพเกรดฟรีเมี่ยม  เพื่อรองรับ  AEC  เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้มีศักยภาพเพียงพอในการเลี้ยงโคเนื้อ  และทางกลุ่มจังหวัดฯ  ได้ส่งข้อเสนอดังกล่าว  ให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ดำเนินการต่อ  สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ในฐานะผู้รับผิดชอบแผนงานนี้ได้ออกแบบวางกรอบแนวทาง แผนงาน/โครงการเลี้ยงโคเนื้อ  โคขุน  ครบวงจร  (ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ)  ภายใต้ชื่อ  โคขุนศรีวิชัยได้ประสานและเชิญหน่วยงานกรมปศุสัตว์  ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย  (สุราษฎร์ธานี  ชุมพร  นครศรีธรรมราช และพัทลุง)  เพื่อร่วมประชุม  พิจารณากรอบแนวทางในการดำเนินการพัฒนาโคเนื้อ / โคขุนครบวงจร ที่วางไว้แล้ว  และที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  เป็นเจ้าภาพหลัก  และจัดทำรายละเอียดโครงการ  นำไปประชาพิจารณ์ในกลุ่ม โคเนื้อ–โคขุน  ในพื้นที่สุราษฎร์ธานี เป็นหลัก (ซึ่งได้รับการตอบรับสูงมาก)  เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณจากกลุ่มจังหวัด  ซึ่งได้ดำเนินการลักษณะนี้  แต่ไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณ
        ในปีที่  2  ได้ดำเนินการขับเคลื่อนร่วมกับเกษตรกรในการพัฒนาโคเนื้อ–โคขุน  เพื่อการตลาดอย่างต่อเนื่อง  และได้ประสานงานและเชิญ  รศ.ดร.โอภาส  พิมพา  จาก มอ.วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีคุณฤชัย  วงศ์สุวัฒน์  ผู้ประกอบการธุรกิจปศุสัตว์  จากจังหวัดพัทลุง  เพื่อร่วมดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการที่ชัดเจน  ในการกำหนดแนวทางปฏิบัติและแก้ไขปัญหาได้ทันเหตุการณ์  จึงได้มอบหมายผู้รับผิดชอบในกระบวนการผลิต
ต้นน้ำ  นายบรรเทิง  ทิพย์มณเฑียร  รับผิดชอบ  จัดทำรายละเอียดโครงการ เกษตรกร  การรวมกลุ่ม  การสร้างเครือข่ายเกษตรกรด้านการผลิต  ขึ้นทะเบียนแม่โค  การปรับปรุงพันธุ์  การผลิตลูกโคต้นน้ำ
กลางน้ำ  รศ.ดร.โอภาส  พิมพา  รับผิดชอบ ขั้นตอนการขุนโค การกำหนดสูตรอาหารแต่ละระยะขุน  ตรวจคุณภาพโคขุนก่อนส่งชำแหละ
ปลายน้ำ  นายฤชัย  วงศ์สุวัฒน์  รับผิดชอบ  ด้านการตลาดเนื้อโคขุน
 

การประชุม  ประชาพิจารณ์โครงการ   และชี้แจงทำความเข้าใจแนวทางการดำเนินงาน
โครงการโคขุนศรีวิชัย  กับเกษตรกรสมาชิก  4  จังหวัด
        ประกอบกับได้รับการจัดสรรงบประมาณ  ปี  2556 – 2557  จากโครงการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยสู่อาเซี่ยน  โครงการบูรณาการยุทธศาสตร์ การท่องเที่ยว  และยุทธศาสตร์การเกษตร  จำนวน  200,000  และ  300,000  บาท  ตามลำดับ  เพื่อใช้ในการเตรียมความพร้อมบุคลากร  และส่งเสริมการตลาดเนื้อโคขุนศรีวิชัย  

        จากการดำเนินงานจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต่อเนื่อง  เกษตรกรให้ความเชื่อมั่นในรูปแบบแนวทางของโครงการ  และได้มีความเห็นร่วมกัน  ให้ดำเนินการถึงการปฏิบัติและสร้างผลิตภัณฑ์ออก  สู่ตลาด  โดยให้นำโคเนื้อของเกษตรกรที่สมัครใจนำร่องเข้าขุนตามกระบวนการ  และได้นำโคขุนตัวแรกชำแหละในเดือน  พฤษภาคม  2557  และนำเนื้อสู่ตลาดผู้บริโภค  ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย  และอันดามัน  ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคระดับหนึ่ง  มีร้านต้นแบบที่ใช้เนื้อโคขุนศรีวิชัย     เป็นเมนูหลักของร้าน  จำนวน  2  ร้าน  (พัทลุง, สุราษฎร์ธานี)  และอยู่ระหว่างการดำเนินการในพื้นที่สุราษฎร์ธานี  อีก  2  ร้าน ทำให้ผลิตภัณฑ์เนื้อโคขุนศรีวิชัย  เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 
ผลิตภัณฑ์โคขุนศรีวิชัย
คนเกษตร (ร้านต้นแบบ) จ.พัทลุง
ร้านจิ้มจุ่มกระทะร้อน เทศบาลนาสาร (ร้านต้นแบบจังหวัดสุราษฎร์ธานี)
         เนื้อโคขุนศรีวิชัยเกรดฟรีเมี่ยม  เป็นเนื้อคุณภาพ  เพื่อสุขภาพ  กระบวนการขุน  ได้นำผลพลอยได้และวัสดุเหลือใช้  มาผสมในสูตรอาหารเลี้ยงโคขุน  (กากปาล์มน้ำมัน  กากถั่วเหลืองสด  มันเส้น หมักยีสต์  และเติมด้วยน้ำมันปาล์มดิบ)  ซึ่งจะมีแคโรทีนสูง (วิตามิน A, E )  ทำให้เนื้อนุ่ม  ส่งผลดีต่อสุขภาพผู้บริโภค


        การพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อโคขุนศรีวิชัย  เป็นแบรนด์  เนื้อโคขุนคุณภาพเกรดฟรีเมี่ยม  ชนิดแรกและ

ชนิดเดียวในภาคใต้นับเป็นนวัตกรรมจากผลิตผลทางการเกษตร  ซึ่งเป็นทางเลือกให้เกษตรกร ในสถานการณ์ผลผลิตของพืชเศรษฐกิจที่สำคัญราคาตกต่ำและไม่แน่นอน
        เมื่อวันที่  28  ธันวาคม  2558  สภาหอการค้าภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย  (นายสุทัศน์  เลิศมโนรัตน์)  ได้พิจารณาคัดเลือก โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อ/โคขุนศรีวิชัย : Sriwichai Beef  เสนอในที่ประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา)  คณะกรรมการ กรอ.ส่วนกลาง  และคณะกรรมการ  กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย  คราวนายกรัฐมนตรีมาตรวจเยี่ยมจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ที่ประชุมนายกรัฐมนตรี  มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย  โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ประสานงานกับภาคเอกชน  และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง  จัดทำแผนงาน/โครงการ  ให้สามารถดำเนินโครงการได้  ในปี  2559  เพื่อพัฒนาโคเนื้อ/โคขุน ครบวงจร  เพื่อแก้ปัญหาพืชเศรษฐกิจ ของภาคใต้  โดยเฉพาะยางพารา  และรองรับการขยายตัว  ความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
จังหวัดสุราษฎร์ธานี  เจ้าภาพหลักในการจัดทำแผนงาน/โครงการ  รวมกับจังหวัดในกลุ่มฯเพื่อขอสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานภายใต้  โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อ/โคขุนศรีวิชัย : Sriwichai Beef  ภายในวงเงินงบประมาณ  180  ล้าน

สรุป
        1. การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรกร  หรือแก้ปัญหาผลผลิตสินค้าเกษตรทุกชนิด  ต้องวางแผนและดำเนินการให้ถึงปลายน้ำ  คือ  ถึงมือผู้อุปโภค  บริโภคสินค้า  หรือ การตลาด
        2. ผลงานดังกล่าวข้างต้น เป็นการต่อยอดและขยายผล  ซึ่งนอกเหนือจากแผนงานปกติของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  เกิดจากความตั้งใจที่จะแก้ปัญหา  และสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรในพื้นที่  ทุกผลงานเป็นการดำเนินการแบบมีส่วนร่วม  (เป็นการใช้บุคลากร วัสดุ  อุปกรณ์  ในพื้นที่)  เพื่อให้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเกษตรกรมีความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของ  มีความภาคภูมิใจ และพร้อมที่จะขับเคลื่อนสืบสาน กิจกรรมต่อสู่ความยั่งยืน  ซึ่งการออกแบบ  กำหนดแนวทาง  วิธีการจะเกิดประโยชน์กับเกษตรกร  ชุมชน  ในกลุ่มภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย  และใกล้เคียง
        3. เนื่องจากเป็นโครงการใหม่  ต้องดำเนินการสู่เป้าหมาย ควบคู่กับประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง  และจริงจัง

----------------------------------------------------
นายบรรเทิง  ทิพย์มณเฑียร  นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ  :  ผู้ดำเนินการและเรียบเรียง